ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายสุรศักดิ์
ยังพะกูล ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์โครงการ
ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง พ.ต.ท. ทักษิณ
ชินวัตร นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
ว่ามีความไม่โปร่งใสในการให้สินเชื่อโครงการของธนาคารอาคารสงเคราะห์
(ธอส.) ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อปี 2546 นายสุรศักดิ์ได้ลงทุนทำธุรกิจบ้านจัดสรรโครงการบ้านแก้ว
ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ลักษณะเป็นที่ดินแบ่งขายเป็นแปลงๆ
ทำเลตั้งอยู่ในชุมชนมีระบบสาธารณูปโภค น้ำประปา ไฟฟ้า
ถนนลาดยางเข้าถึงโครงการ
ปรากฏว่าได้ยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์สำนักงานจังหวัดนคร
ราชสีมา แต่ทางธนาคารประเมินราคาที่ดินให้เพียงตารางวาละ
1,200 บาท จากเดิมบริษัทประเมินราคาให้ตารางวาละ 3,000
บาท ทั้งๆ ที่โครงการที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เช่น โครงการเพียงพิมายซึ่งก่อสร้างมาก่อน
และไม่มีระบบสาธารณูโภค กลับได้รับการประเมินราคาที่ดินให้ถึงตารางวาละ
3,000 บาท ที่สำคัญโครงการที่ธนาคารให้ สินเชื่อไปแล้วกลับมีปัญหาสร้างบ้านไม่ได้มาตรฐานถือว่าทำให้ธนาคารเสียหาย
นายสุรศักดิ์ร้องเรียนว่า เคยเดินทางไปชี้แจงกับผู้จัดการธนาคารในจังหวัดนคร
ราชสีมาแต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ต่อมาได้ติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแจ้งว่าได้ออกไปสุ่มตรวจแล้ว
ต้องปรับราคาลงมาต่ำกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน ทำให้เดือดร้อนอย่างมาก
เพราะมีลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นพนักงานการรถไฟฯได้เข้าไปจับจองบ้างแล้ว
เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ยกเลิกสัญญา
นายสุรศักดิ์กล่าวอีกว่า สาเหตุที่โครงการของตนถูกตัดราคาน่าจะมาจากถูกกลั่นแกล้งโดยเจ้าของโครงการที่เสียผลประโยชน์แล้วกระทำผ่านเจ้าหน้าที่
ธอส.บางคน
"ความจริงแล้วเรื่องนี้มีอะไรลึกๆ ซ่อนอยู่ ถ้าผมแถลงข่าวที่รัฐสภาจะต้องเดือดร้อน
เพราะโครงการอื่นที่ธนาคารให้สินเชื่อแล้วเกิดปัญหา อาทิ สร้างบ้านไม่ได้มาตรฐาน
ที่ผ่านมามีความเหลวแหลกใน ธอส.แต่รัฐมนตรี นายกฯไม่เคยได้รับรู้
และผมไม่อยากให้ท่านเดือดร้อน" นายสุรศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง นางสาวจรรยา ธนานนท์ ผู้จัดการ
ธอส. จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่นางสาวจรรยาปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
โดยบอกว่า เรื่องนี้สำนักงานใหญ่ทราบดี เพราะเป็นคนตรวจสอบและประเมิน
เมื่อถามว่าราคาประเมินที่ดินในย่านที่โครงการตั้งอยู่ขณะนี้อยู่ที่เท่าไหร่
นางสาวจรรยาบอกว่า ไม่ทราบ ให้ติดต่อสำนักงานใหญ่ สาขาไม่ทราบข้อมูลใดๆ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง ธอส.สำนักงานใหญ่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชี้แจงว่า
โดยปกติระเบียบการประเมินของธนาคารก่อนที่จะปล่อย จะมีบริษัทประเมินในสังกัดทำหน้าที่ประเมินราคาที่ดินในพื้นที่ต่างๆ
จากนั้นทางสำนักงานใหญ่จะส่งฝ่ายประเมินหลักทรัพย์ไปสุ่มตรวจโครงการที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้จาก
ธอส. และเมื่อปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ธอส.จากส่วนกลางได้ลงไปตรวจในพื้นที่ของโครงการบ้านเกาะแก้ว
แล้วพบว่าโครงการนี้ขาดสภาพคล่อง พื้นที่โดยรอบเป็นเรือกสวนไร่นา
นาย ทุนไปซื้อแล้วนำมาปรับปรุงแบ่งพื้นที่ออกเป็นล็อกๆ
แล้วขาย ซึ่งราคาประเมินที่ดินในพื้นที่ใกล้เคียงห่างออกไปประมาณ
600 เมตร ซื้อขายกันอยู่ที่ตารางวาละ 300-500 บาท แต่ทางบริษัทประเมินกลับประเมินราคาที่ดินในโครงการนี้สูงถึงตารางวาละ
3,000 บาท
สำนักงานใหญ่เห็นว่าเป็นการประเมินเกินสภาพความเป็นจริง
หาก ธอส.อนุมัติสินเชื่อแล้วโครงการไม่มีการก่อสร้าง
ที่ดินขายไม่ออก สุดท้าย ธอส.ก็ต้องไปยึดที่ดิน และหาก
ธอส.ยอมอนุมัติเงินให้กับนักลงทุนรายนี้ในราคาตารางวาละ
3,000 บาท แต่ทรัพย์สินที่ยึดมาได้ราคา 300 บาท ก็ไม่คุ้มกัน
ทาง ธอส.จึงมีความจำเป็นต้องปรับราคาประเมินลง และที่สำคัญ
ธอส.ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทประเมินแห่งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
แหล่งข่าวจาก ธอส.เปิดเผยว่า ผู้ลงทุนได้ทำเรื่องอุทธรณ์ราคาประเมินที่ดินมาหลายครั้งแต่ทาง
ธอส.ไม่สามารถจะปรับให้ได้จริงๆ เพราะเห็นว่าโครงการนี้ไม่มีสภาพคล่อง
อาจจะสร้างปัญหาให้กับ ธอส.ได้ในอนาคต เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมาปี
2540-2541 ที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู หลายโครงการที่มาขอกู้เงินจาก
ธอส.มีการอุปโลกน์ ลูกค้าขึ้นมา คือไม่มีลูกค้าเป็นตัวเป็นตน
สุดท้ายโครงการที่ประกาศขายไปก็ร้าง ไม่มีคนเข้าไป อยู่
บ้านผุพัง ธอส.ไปยึดคืนก็ไม่คุ้ม การพิจารณาอนุมัติเงินกู้ในปัจจุบันของ
ธอส.จึงค่อนข้างจะรอบคอบมากขึ้น เพราะมิเช่นนั้นจะเจอลูกค้าผีเหมือนในอดีต
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มนายทุนเข้ามาเสนอโครงการบ้านจัดสรรให้กับพนักงานที่มีปัญหาเรื่องหนี้สิน
โดยนำเงินก้อนหนึ่งมาเคลียร์หนี้สินให้แก่พนักงานเพื่อให้สลิปเงินเดือนว่าง
3 เดือน ก่อนที่ทำเรื่องขอกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดิน โดยจะประเมินราคาให้สูงมาก
บางครั้งที่ดินราคาแค่แสนกว่าบาท บริษัทประเมินให้ 3-4
แสนบาท ผู้ซื้อก็ได้เงินสดเข้ากระเป๋า 2-3 แสนบาทฟรี
แหล่งข่าวเผยต่อไปว่า กลุ่มนายทุนจะไปเลือกซื้อที่ดินราคาถูกแล้วมาพัฒนา
เขียนโครงการสวยหรู แล้วยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารแล้วก็ได้รับอนุมัติ
แต่พอไปดูโครงการจริงๆ ไม่มีอะไรเลย บางโครงการบ้านพังหมดแล้ว
ผู้ซื้อไม่มีใครอยากไปอยู่ เพียงแค่อยากได้เงินสดเข้ากระเป๋าเท่านั้นเอง |