|
|
สรุปสาระข่าว |
|
ผู้ค้าห่วงทำเลไม่เอื้อ-ยื้อเซ็นสัญญาเช่า
แย้ม "ทีจี" ชิ่งหาอาคารอื่นหนีของแพง
ผู้ประกอบการในไทยแลนด์พลาซ่า นิวยอร์ก ออกอาการวิตกโครงการไม่เวิร์ก
บางส่วนลังเลเซ็นเอ็มโอยูกับกรมส่งเสริมการส่งออก
เหตุเงื่อนไขไม่ชัดเจน คนไทยในสหรัฐติงทำเลไม่เหมาะทำการค้า
ปูดการบินไทยเริ่มชิ่งหันใช้พื้นที่อาคารอื่นหนีค่าเช่าแพง |
|
|
|
ข้อคิดเห็น |
โปรดอ่านจดหมายถึงนายกรัฐมนตรี
ของ ดร. โสภณ พรโชคชัยในเรื่องดังกล่าวนี้
เรื่อง
ความจำเป็นในการประเมินค่าทรัพย์สินที่ตั้งแห่งใหม่ Thailand
Plaza ณ นครนิวยอร์ก (18 กุมภาพันธ์ 2548)
เรื่อง
การประเมินค่าทรัพย์สินที่ตั้ง Thailand Plaza ณ นครนิวยอร์ก
ประเทศสหรัฐอเมริกา (9 ธันวาคม 2547) |
|
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
ผู้ค้าห่วงทำเลไม่เอื้อ-ยื้อเซ็นสัญญาเช่า
แย้ม "ทีจี" ชิ่งหาอาคารอื่นหนีของแพง
ผู้ประกอบการในไทยแลนด์พลาซ่า นิวยอร์ก ออกอาการวิตกโครงการไม่เวิร์ก
บางส่วนลังเลเซ็นเอ็มโอยูกับกรมส่งเสริมการส่งออก
เหตุเงื่อนไขไม่ชัดเจน คนไทยในสหรัฐติงทำเลไม่เหมาะทำการค้า
ปูดการบินไทยเริ่มชิ่งหันใช้พื้นที่อาคารอื่นหนีค่าเช่าแพง
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการไทยแลนด์พลาซ่า
สาขาแรกกรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการเอกชนเจ้าหน้าที่รัฐและคนไทยที่อยู่ในสหรัฐกำลังกังวลถึงการที่รัฐบาลอนุมัติให้จัดทำโครงการไทยแลนด์พลาซ่า(ทีเอชพี)
ในนครนิวยอร์ก ที่อาคาร 505 ถนนฟิฟธ์อเวนิว เพราะไม่เหมาะสมที่จะจัดทำโครงการ
เพราะเป็นจุดต่อรถไม่สามารถจอดรถขนส่งสินค้าได้ เป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายสินค้าในกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน
เครื่องใช้ เครื่องครัวและอุปกรณ์ และผู้สัญจรไปมาส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยตรงของโครงการ
อีกทั้งราคาค่าเช่าพื้นที่ก็สูงกว่าอาคารใกล้เคียง โดยขณะนี้ทราบว่าบริษัทการบินไทยได้หันไปทำสัญญาเช่าพื้นที่อาคารใกล้เคียงแล้ว
โดยมีค่าเช่าพื้นที่ถูกกว่าคือประมาณ 40 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต
ขณะที่อาคาร 505 มีราคาถึง 299 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต
จึงมีแต่กรมส่งเสริมส่งออก คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่นี้
"เมื่อรัฐบาลอนุมัติให้เช่าอาคารเลขที่ 505 ก็มีคนไทยที่อยู่ในสหรัฐได้เตือนมายังผู้ประกอบการคนไทยว่าไม่ใช่พื้นที่ที่เหมาะสม
อยากให้มีการทบทวนที่ตั้งสถานที่ใหม่ จึงได้มีการจัดทำและส่งหนังสือคัดค้านไปยังกระทรวงการต่างประเทศและสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว
แต่ก็เงียบหายไป "
แหล่งข่าวกล่าวว่า อีกประเด็นที่กำลังกังวลกันมาก คือข้อสัญญาเช่าพื้นที่และเงื่อนไขในสัญญาระหว่างผู้ประกอบการที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการกับกรมส่งเสริมการส่งออกในฐานะดูแลโครงการทีเอชพี
แต่ผู้ประกอบการยังไม่รับทราบถึงสัญญาเช่าพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งกรมส่งเสริมการส่งออกได้แจ้งว่าจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)
กับผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการ โดยอ้างว่ายังถือเป็นการลงนามสัญญา แต่เมื่อนำเนื้อหาของเอ็มโอยูไปให้นักกฎหมายตรวจสอบ
ได้รับการยืนยันว่าถ้อยคำที่ใช้ถือว่าเป็นสัญญาและมีความผูกพันในอนาคต
"ข้าราชการไม่ใช่พ่อค้า อาจไม่ละเอียดรอบคอบอย่างเอกชนที่ต้องแบกรับภาระเองทั้งหมด
แม้รัฐจะสนับสนุนงบการตลาดและประชาสัมพันธ์แต่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ นานแค่ไหน แต่สัญญาจะผูกพันเราทุกอย่าง
สัญญาที่ให้ดูก็ยังไม่เคลียร์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เอกชนยังไม่ตอบที่จะไปลงนามเอ็มโอยู"
"ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการส่งออกได้ส่งหนังสือเชิญไปยังผู้ผ่านการคัดเลือก
31 ราย เพื่อร่วมลงนามเอ็มโอยูในวันที่ 18 พฤษภาคม 2548 แต่ก่อนกำหนดการเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็แจ้งเลื่อนการลงนามออกไปก่อน
นอกจากนั้นยังมีผู้ประกอบการบางรายเองไม่ตอบรับที่จะลงนามเอ็มโอยู เพราะยังไม่มีความชัดเจนในสัญญาที่ต้องกระทำกับรัฐ |