|
|
สรุปสาระข่าว |
|
รวบแมสเซนเจอร์แสบ
เชิดเงินนายจ้าง 2 ล้านกว่าหนีหายลอยนวล สารภาพหมดเปลือกไปแบงก์เบิกเงินให้เจ้านาย
เห็นเงินเกิดโลภ ประกอบกับมีปัญหาเป็นหนี้บัตรเครดิตเพียบจึงลงมือก่อเหตุ
หลังได้เงินสวมบท "สามล้อถูกหวย" เที่ยวเตร่ใช้จ่ายสนุกมือ
ผ่านไป 6 เดือนเหลือเงินติดกระเป๋าแค่ 70 บาท ชีวิตและอีก
5-6 คนยังไม่ทราบชะตากรรม
(ดูข่าวคล้ายคลึงกัน "ตร.ฟลุกจับ พนง.รถขนเงินแบงก์เชิด
1.5 ล้าน หนีได้ 6 ปี" ใน ผู้จัดการ
online 1 มีนาคม 2548) |
|
|
ข้อคิดเห็น |
ผู้ได้มาซึ่งทรัพย์สินโดยไม่ผ่านการ "หลั่งเหงื่อโทรมกาย" นั้น
ย่อมไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเพิ่มพูนหรือกระทั่งรักษาทรัพย์สินเหล่านั้นไว้ได้ |
|
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
"สืบพญาไทเจ๋ง"
รวบแมสเซนเจอร์แสบ เชิดเงินนายจ้าง 2 ล้านกว่าหนีหายลอยนวล
สารภาพหมดเปลือกไปแบงก์เบิกเงินให้เจ้านาย เห็นเงินเกิดโลภ
ประกอบกับมีปัญหาเป็นหนี้บัตรเครดิตเพียบจึงลงมือก่อเหตุ
หลังได้เงินสวมบท "สามล้อถูกหวย" เที่ยวเตร่ใช้จ่ายสนุกมือ
ผ่านไป 6 เดือนเหลือเงินติดกระเป๋าแค่ 70 บาท
รวบแมสเซนเจอร์แสบเชิดเงินนายจ้าง 2 ล้าน ถูกจับเหลือเงินติดกระเป๋าแค่
70 บาท เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ก.พ. พ.ต.ต.สมิง รอดรัตษะ สว.สส.สน.พญาไท
พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนร่วมแถลงข่าวจับกุมนายสามารถ หรือกล่อง ชินอักษร อายุ
26 ปี พนักงานส่งเอกสาร อยู่บ้านเลขที่ 340/60 ถนนร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง
ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3250/2547 ลงวันที่ 9 ก.ย. 47 ข้อหายักยอกทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่
143/10 ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 47
ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้รับมอบฉันทะจากนายแก้ว เก่งรุ่งเรืองชัย อายุ 39 ปี เจ้าของบริษัท
แอล อาร์ ซี ไทยเมททอล จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 1532/1 ถนนประชาราษฎร์ สาย 1 แขวง-เขตบางซื่อ
เป็นบริษัทส่งทองแดงออกต่างประเทศ ให้ไปเบิกเงินในบัญชีจำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน
2,034,259 บาท จากธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี แต่หลังเบิกเงินเสร็จผู้ต้องหาได้หลบหนีไปพร้อมกับเงินดังกล่าว
กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าแอบไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ จ.ระยอง จึงประสานไปยัง พ.ต.ท.สมชาย
พูลทรัพย์ สว.สส. ภ.จ.ระยอง นำหมายศาลเข้าจับกุม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนไปเบิกเงินให้เจ้านาย
เมื่อเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้าเลยเกิดความโลภ อีกทั้งตนติดหนี้บัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก
จึงตัดสินใจหนีและนำเงินไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่นที่ จ.เชียงใหม่ และระยอง
เงินบางส่วนก็แบ่งให้ญาติ ๆ แต่ไม่ได้นำไปชำระบัตรเครดิตแต่อย่างใด เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นแนวทางให้ตำรวจตามจับตัวได้
กระทั่งผ่านไป 6 เดือนเงินที่ได้มา 2 ล้านกว่าถูกใช้ไปอย่างลืมตัว ซึ่งขณะถูกจับกุมตนมีเงินเหลือติดตัวเพียง
70 บาทเท่านั้น |