|
|
สรุปสาระข่าว |
|
"สมคิด" โล่งอกอสังหาฯยังไกล "ฟองสบู่" จี้เอกชนปรับตัวเชื่อมข้อมูลรับบูมเฟส
2 |
|
ข้อคิดเห็น |
|
เปิดเผยภายเรียกตัวแทน
3 สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์. . . ไม่ควรฟังแต่จากผู้ประกอบการ
สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ยังมีอีกมากมาย เช่น วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์,
สภาวิศวกร, สภาสถาปนิก, สมาคมตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์,
สมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย, สมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย,
สมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย, สมาคมภูมิสถาปัตย์แห่งประเทศไทย,
สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย, สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์,
สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย, สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
ฯลฯ
"ตัวแทนภาคเอกชนที่เชิญมาล้วนเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดกว่า
70-80% ของตลาด" . . . ไม่จริง ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่ในตลาด มีสัดส่วนเพียง
12% ในตลาดเท่านั้น |
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายเรียกตัวแทน 3 สมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธ.อ.ส.)
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)
พบเพื่อรับฟังข้อมูลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาคเอกชน
และติดตามความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นธุรกิจดังกล่าวที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
ว่าหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะเกิดภาวะฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จึงเชิญตัวแทนภาครัฐและเอกชนมาชี้แจง และพบว่าธุรกิจดังกล่าวยังห่างไกลเรื่องฟองสบู่อีกมาก
เพราะความต้องการที่อยู่อาศัยยังเพิ่มต่อเนื่อง
และข้อมูลจากสถาบันการเงินพบว่าการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์รอบนี้
ส่วนใหญ่เป็นการให้สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย
ส่วนสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินเปล่ายังมีไม่มาก
นายสมคิดกล่าวว่า นอกจากนี้ได้เสนอให้ทั้ง 3 สมาคมเปลี่ยนบทบาทมาเป็นอุตสาหกรรมหลักในการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ
ไม่ใช่มองธุรกิจแค่การขายบ้าน โดยขณะนี้เป็นช่วงที่ผ่านวิกฤตการณ์มาแล้ว เป็นเฟส
2 ของอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของระบบ แต่ยังไม่มั่นคงเพียงพอที่จะสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันมากขึ้น และวางระบบกฎเกณฑ์การควบคุมกันเอง
รวมถึงการเชื่อมโยงกับภาครัฐ เช่น การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และ ธ.อ.ส.
"ตัวแทนภาคเอกชนที่เชิญมาล้วนเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 70-80%
ของตลาดรวม เช่น บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บริษัท แสนสิริ
บริษัท โนเบิล เฮ้าส์ เป็นต้น ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้สามารถจัดระเบียบอุตสาหกรรมนี้ได้ง่ายขึ้น" |
|