นายกฯชูไอเดียจราจร
ลุยขยายรถใต้ดิน-บนดิน เบรกบีทีเอส สร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า
เหตุฐานะการเงินมีปัญหา จี้เจรจาเจ้าหนี้ให้เสร็จก่อน
สุริยะดึงสหรัฐ-จีน-ฝรั่งเศส-อังกฤษลงทุน
ทักษิณ สั่งเดินหน้างานก่อสร้างสารพัดโครงการ แก้ปัญหาจราจรเบ็ดเสร็จใน 6
ปี ขีดเส้น สนข.เริ่มโครงการภายใน 8 เดือน ด้านสุริยะ เตรียมดึงผู้ลงทุนจาก
จีน สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ เข้าประมูลงานก่อสร้างส่วนต่อขยายใต้ดินบนดิน มูลค่า
4 แสนล้านบาท หวังรองรับการให้บริการประชาชนนอกเมืองเข้าเมือง พร้อมปัดฝุ่นโฮปเวลล์
รถไฟรางคู่และโครงการเก่าๆ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (10 ก.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาระบบขนส่งมวลชน
ระบบราง ในเขต กทม.และปริมณฑล โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าราชการ กทม.เข้าร่วม
พ.ต.ท.ทักษิณ เปิดเผยภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ว่าได้รับทราบระบบขนส่งมวลชนระบบรางทั้งหมดว่ามีมากน้อยแค่ไหน
โดยนโยบายของรัฐบาลจะไม่ก่อสร้างเป็นช่วงๆ ตามแผน 20 ปี ที่สำนักงานนโยบายและแผนขนส่งและจราจร
(สนข.) เสนอมา เนื่องจากจะเสียเวลาและไม่สามารถแก้ปัญหาได้
หากสามารถทำทั้งหมดรวดเดียวจะแก้ปัญหาการขยายตัวของรถยนต์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ดีกว่า
รวมถึงมีผลต่อทิศทางการขยายตัวของเมือง ซึ่งเส้นทางที่จะขยายคือ รถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินและสีส้มของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.) รวมถึงโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีแดง ที่เป็นแนวทางของโครงการโฮปเวลล์เดิม
ซึ่ง สนข.เสนอมา 3 เส้นทาง โดยตนคิดว่าควรทำเพียง 2 เส้นทางก็พอ คือ เส้นจากรังสิตเข้าเมืองและเส้นตะวันออกจากสถานีมักกะสันไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
สั่งทำโครงข่าย100กม.ลงทุน4แสนล้าน
นายกฯ ระบุว่า หากทำโครงข่ายดังกล่าวทั้งหมด จะมีความยาวรวม 100 กม.ใช้เงินลงทุนประมาณ
3-4 แสนล้านบาท และจะทำให้ระบบขนส่งมวลชนสมบูรณ์ขึ้น โดยเชื่อว่าจุดที่เป็นจุดเชื่อมต่อ
จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี ซึ่งจะก่อสร้างเสร็จก่อนระบบราง ขณะที่รถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงินคาดว่า
จะเสร็จประมาณเดือน เม.ย.ปีหน้า
"แต่กว่าจะทำและขุด ผมคิดว่ารถจะติดมาก จึงให้เร่งแก้ถนนและทางยกระดับในจุดเชื่อมต่อเล็กๆ
น้อยๆ เพื่อให้ระบบเดินทางดีขึ้น เช่น ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ก็ให้เชื่อมกับวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก
มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้การเดินทางสะดวกขึ้น ส่วนบางสายจะยืดออกไป เป็นการทำคู่ขนานกับระบบราง
เพราะกว่ารถไฟฟ้าจะเสร็จต้องใช้เวลา 5-6 ปี" นายกฯ กล่าว
ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
หรือบีทีเอสซี ขณะนี้บริษัทมีปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ ที่ยังไม่มีข้อยุติกับเจ้าหนี้
รัฐบาลจึงต้องการให้การเจรจาจบลงก่อน เพื่อให้รู้ว่าจะขยายเส้นทางได้อย่างไร
สำหรับการเจรจาแก้ปัญหาหนี้ของบีทีเอส รัฐบาลคงไม่เข้าไปเป็นตัวกลาง เพราะเป็นเรื่องของเอกชนที่เจ้าหนี้ลูกหนี้ต้องเจรจากัน
แต่จะให้กระทรวงคมนาคมเข้าไปหารือด้วย เนื่องจากยังมีการลงทุนส่วนที่เหลือ
หาก กทม.ดำเนินการมากเกินไป คงรับภาระไม่ไหว โดยขณะนี้มีปัญหาที่เจ้าหนี้ไม่เชื่อถือลูกหนี้
จุดนี้จะทำอย่างไรให้จบแบบไม่คาราคาซัง เจ้าหนี้จะแปลงหนี้เป็นทุนหรือไม่
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวถึงการลงทุนของรัฐบาลว่า ไม่ต้องการให้ระบุถึงเรื่องเงินลงทุนขณะนี้
ซึ่งอาจเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เช่น ประชาชนต้องใช้เวลาเดินทางถึง
4 ชั่วโมง คงไม่ไหว ดังนั้นเงินลงทุนจะนำมาจากไหนต้องคำนวณกันอีกครั้ง
สุริยะรับลูกเตรียมเปิดประมูลโครงการ
นายสุริยะ กล่าวเสริมว่า การหารือเพื่อเร่งรัดยุทธศาสตร์ของประเทศเรื่องการนำระบบรางมาทดแทนการใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางของประชาชน
โดย สนข.ได้เสนอโครงการแผนลงทุนระบบขนส่งมวลชน ระยะทางรวม 213 กม.มูลค่า
4.8 แสนล้านบาท ประกอบด้วย ระบบราง ระบบทางด่วน และระบบรถไฟชานเมือง
สำหรับรูปแบบการลงทุนนั้น กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ของแหล่งเงิน ซึ่งส่วนหนึ่งจะใช้งบประมาณเป็นเงินลงทุนของรัฐบาล
ส่วนอื่นๆ จะใช้เงินกู้หรือเงินจากกองทุนต่างๆ หรือเปิดให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุน
ในลักษณะ SINGLE OPERATOR ซึ่งอาจเป็นนักลงทุนต่างประเทศทั้ง จีน ฝรั่งเศส
อังกฤษ และสหรัฐ เพื่อให้โครงการเดินหน้าไปได้
เราจะเปิดประกวดราคาไปก่อน และระหว่างนี้ก็ศึกษาหาข้อมูลว่าจะใช้การลงทุนรูปแบบใด
เพราะถ้าจะรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์ การแก้ไขปัญหาจะไม่ทันกัน โดยเราตั้งเป้าว่า
โครงการ 213 กม.นี้ จะต้องเสร็จใน 6 ปี ใช้เงินลงทุนไม่ถึง 4 แสนล้านบาทแน่นอน
นายสุริยะ กล่าว
นายกฯจี้เดินหน้าโครงการค้างเก่า
อย่างไรก็ตาม นายกฯต้องการให้เร่งรัดโครงการที่ยังค้างอยู่ โดยเฉพาะโครงการที่ออกแบบรายละเอียดไว้แล้ว
เช่น โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค
ระยะทาง 13.8 กม.มูลค่า 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ผ่านการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว
โดย รฟม.จะเร่งเปิดประกวดราคา
ส่วนโครงการที่ยังไม่ได้ออกแบบรายละเอียด รฟม.ก็ต้องเร่งดำเนินการออกแบบให้เสร็จ
เช่น โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ามหานครสายสีน้ำเงิน จากบางซื่อ-จรัญสนิทวงศ์-สะพานพระนั่งเกล้า
ระยะทาง 11.6 กม.มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท และโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้ามหานครสายสีส้มจากบางกะปิ-ราษฎร์บูรณะ
ระยะทาง 34.6 กม.มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท
เร่งสร้างทางด่วนเชื่อมเป็นเครือข่าย
ในด้านการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดปัจจุบัน นายกฯ เห็นว่าควรเร่งก่อสร้างระบบทางด่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย
(กทพ.) ให้เชื่อมเป็นเครือข่ายโดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะโครงการที่มีแผนจะดำเนินการ
แต่ชะลอไว้ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ เช่น ทางด่วนช่วงบ้านครัว ซึ่งนายกฯกำชับให้
สนข.ศึกษารายละเอียดและดำเนินการก่อสร้างทันที
นอกจากนี้ยังเร่งให้ก่อสร้างทางด่วนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนพระราม
2 ช่วงตรอกจันทน์ เพราะปัจจุบัน ทางด่วนช่วงสะพานพระราม 9 มีปัญหาจราจรติดขัดมาก
เนื่องจากสะพานลาดชันและมีปริมาณรถมาก
เบรกบีทีเอสสร้างส่วนต่อขยาย
นายสุริยะ ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส
ซึ่ง กทม.ต้องการให้เร่งดำเนินการ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ส่วนต่อขยายช่วงสาทร-ตากสิน
ระยะทาง 2.2 กม.นั้น นายกฯอนุมัติให้ดำเนินการได้ เพราะจะมีสถานีรับ-ส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกเพียง
2 สถานี ดังนั้น บีทีเอสซี สามารถใช้รถไฟฟ้าที่มีอยู่ให้บริการต่อได้
โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขบวนรถ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอสในเส้นทางอื่นๆ
ท่านนายกฯสั่งให้หยุดไว้ก่อน จนกว่าจะเจรจากับกลุ่มเจ้าหนี้เสร็จ ซึ่ง
กทม.ต้องเรียกทั้งสองฝ่ายมาหารือกัน เพื่อให้ได้ข้อสรุป รวมถึงเรื่องค่าโดยสาร
นายสุริยะ กล่าว
สนข.ทำข้อมูลแนวเส้นเดิมโฮปเวลล์เพิ่ม
ส่วนโครงการระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งเป็นแนวเส้นทางโครงการโฮปเวลล์เดิมนั้น
นายกรัฐมนตรีให้พิจารณาว่ามีปริมาณผู้โดยสารมากน้อยเพียงใด โดยให้ สนข.จัดทำข้อมูลเพิ่มเติม
หากมีปริมาณผู้โดยสารมากก็ให้ใช้ระบบรถไฟ แต่ถ้าปริมาณผู้โดยสารไม่มากนัก
ก็ให้ใช้ระบบรถประจำทางเข้ามาเสริม
"ขณะนี้กำลังศึกษาว่าจะดึงคนจากชานเมืองเข้ามาในเมือง เมื่อลงทุนแล้วคุ้มค่าหรือไม่
หากไม่คุ้มจะใช้ระบบรถเมล์แทน ซึ่งเส้นนี้จะใช้รูปแบบรถไฟรางคู่ ทั้งรถไฟความเร็วสูงและรถไฟปกติวิ่งสลับกัน
ซึ่งกระทรวงคมนาคมมองว่า ทุกๆ 1-2 ตร.กม.ควรมีสถานีรถไฟไฟและรถไฟใต้ดิน ครอบคลุมพื้นที่รอบใน
113 ตร.กม.แม้ สนข.และนายสมัครจะเห็นไม่ตรงกัน เพราะนายสมัครมองว่าควรเน้นวงแหวนรอบนอกมากกว่า
แต่ สนข.ต้องการเร่งพัฒนาระบบขนส่งในเมือง จุดนี้ต้องหารือเพื่อทำข้อมูลและบริการประชาชนให้ดีที่สุด" นายสุริยะ
ย้ำ
ตีกลับแผนลงทุน20ปี4แสนล้าน
รายงานข่าวจากที่ประชุม ระบุว่า ในการพิจารณาแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชน 20
ปีของ สนข.เงินลงทุน 3.86 แสนล้านบาท ระยะทาง 255.89 กม.นั้น นายกฯไม่เห็นด้วย
ที่ภาครัฐจะเป็นผู้ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและจัดหากรรมสิทธิ์ที่ดินให้เอกชน
ซึ่งรัฐต้องลงทุนรวม 2.35 แสนล้านบาท คิดเป็น 61% ของมูลค่าลงทุน ขณะที่ภาคเอกชนลงทุน
1.5 แสนล้านบาท หรือ 39% แบ่งเป็นรถไฟใต้ดินสายสีแดง วงเงิน 1.22 หมื่นล้านบาท
สายสีน้ำเงิน 9.84 หมื่นล้านบาท สายสีเขียว 7.91 หมื่นล้านบาท และสายสีส้ม
8.26 หมื่นล้านบาท
นายสุริยะ กล่าวว่า นายกฯ มองว่าขณะนี้ได้รับร้องเรียนเรื่องปัญหาจราจรจากประชาชนมาก
และต้องเจอปัญหานี้กับตัวเอง หากแก้ไขได้จะช่วยปัญหาเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวมาก
"ทักษิณ"กำชับสนข.เริ่มโครงการใน8เดือน
นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการ สนข.กล่าวว่า นายกฯ ต้องการให้เริ่มดำเนินการโครงการทั้งหมดภายใน
8 เดือนข้างหน้า และภายใน 6 ปี ต้องเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาจราจร
ด้านนายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ รักษาการผู้ว่าการ กทพ.กล่าวว่า การก่อสร้างทางด่วนในช่วงบ้านครัวนั้น
ตามสัญญาระบุว่าบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีซีแอล ต้องเป็นผู้ลงทุน
แต่ขณะนี้ บีอีซีแอล ระบุว่าพ้นกำหนดที่ กทพ.ต้องส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้กับบริษัทแล้ว
จึงไม่ต้องการก่อสร้างส่วนนี้ และคณะอนุญาโตตุลาการกำลังพิจารณาอยู่ สำหรับโครงการก่อสร้างทางด่วนบริเวณถนนพระราม
2 ช่วงตรอกจันทน์ อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการ
ชี้ระบบขนส่งไทยพร้อมเป็นประตู่สู่เอเชีย
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมการสาขาวิศวกรรมจราจรและขนส่ง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
กล่าวยืนยันว่า ปัจจุบันไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางระบบขนส่งของเอเชีย
เมื่อพิจารณาทั้งด้านภูมิศาสตร์และระบบขนส่งพื้นฐานที่มีอยู่ โดยเส้นทางรถยนต์นั้น
หากไทยสามารถเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งถึงตอนใต้ของประเทศจีนได้ ก็จะกลายเป็นประตูสู่เอเชียที่สำคัญ
ขณะที่การพัฒนาระบบขนส่งแบบรางของประเทศนั้น การที่รัฐบาลประกาศจะใช้งบประมาณ
9 แสนล้านบาท พัฒนาระบบรางของประเทศถือว่าเดินมาถูกทาง ทั้งในแง่ของการประหยัดพลังงานและปัญหาจราจร
โดยรัฐบาลต้องเร่งพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งจากในเมืองและนอกเมือง
ที่จะช่วยประหยัดเวลาการเดินทางลงได้มาก รวมถึงการขนส่งทางอากาศ
เชื่อว่าศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ มีเหนือกว่าสนามบินชางงีของสิงคโปร์
เนื่องจากหากเชื่อมโยงเส้นทางการบินกับทวีปยุโรปและอเมริกาได้ จะสามารถประหยัดเวลาเดินทางได้ถึง
1 ชั่วโมง รวมทั้งรองรับผู้โดยสารได้ 45 ล้านคนต่อปีด้วย อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีข้อด้อยในระบบขนส่งทางน้ำ
เนื่องจากทำเลที่ตั้งของท่าเรือแหลมฉบัง เสียเปรียบท่าเรือของสิงคโปร์ ดังนั้น
รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งพัฒนาโครงการระบบขนส่งรองรับ โดยต้องเลือกระหว่างโครงการขุดคลองกระที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
มูลค่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีการย้ายการใช้เส้นทางขนส่งทางเรือ จากช่องแคบมะละกา
มายังโครงการดังกล่าวหรือโครงการถนน ระบบราง และท่อส่งเชื่อมระหว่างฝั่งทะเลอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันหรือแลนด์บีช
เส้นทางจาก อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปถึง จ.กระบี่ ที่คาดว่าจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่า
หากไทยแก้ปัญหาทำให้มีการขนส่งที่ได้เปรียบในทุกระบบ ก็จะเป็นประเทศที่มีศักยภาพเป็นประตูสู่เอเชียได้ไม่ยาก |