คลังเตรียมฟัน10จนท. ทุจริต'เอสเอ็มอีแบงก์'
 
สรุปสาระข่าว
 
        กรณีคณะกรรมการชุดที่ผ่านมาได้ทำสัญญาออกตราสารบัตรเงินฝากแบบดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Certificate of Deposit : FRCD) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยนำอัตราดอกเบี้ยไปทำสวอปพิเศษกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ประเมินภาพที่แท้จริง และทำเกินอำนาจ ซึ่งเกิดปัญหาทำให้เอสเอ็มอีแบงก์ อาจต้องจ่ายค่าปรับกว่า 3 พันล้านบาทนั้น
 
ข้อคิดเห็น
 
        นี่คือตัวอย่างชัดจน ธนาคารเจ๊งเพราะคนใน ไม่ใช่เพราะผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน หรือผู้กู้รายยย่อย โปรดอ่านบทความ
ประเมิน... ช่วยสินเชื่อ / ช่วยชาติ
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว
 

        กรณีคณะกรรมการชุดที่ผ่านมาได้ทำสัญญาออกตราสารบัตรเงินฝากแบบดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate Certificate of Deposit : FRCD) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ จำนวน 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยนำอัตราดอกเบี้ยไปทำสวอปพิเศษกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ประเมินภาพที่แท้จริง และทำเกินอำนาจ ซึ่งเกิดปัญหาทำให้เอสเอ็มอีแบงก์ อาจต้องจ่ายค่าปรับกว่า 3 พันล้านบาทนั้น

        วานนี้ (5 ก.ค.) นายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ในฐานะประธานสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ขณะนี้คณะกรรมการได้สรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ของเอสเอ็มอีแบงก์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน 10 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อผลเสียหายดังกล่าว จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการลงโทษทางวินัยส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาความผิด โดยในสัปดาห์หน้าจะเสนอนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา

 

          ด้านนายสมชาย สกุลสุรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาการสอบสวนทุจริต เกี่ยวกับการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้ FRCD  ที่มองกันว่าจะเกิดปัญหานั้น นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกำกับดูแลเอสเอ็มอีแบงก์ ได้ให้นโยบายไปแล้วว่า หากบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมแต่ยังไม่ได้ลงมือทำก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ยอมรับว่าความเสียหายคงไม่ถึง 3 พันล้านบาทตามที่หลายฝ่ายกังวล

        นายสมชาย กล่าวด้วยว่า ในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะแถลงเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเอสเอ็มอีแบงก์ให้ทราบ ทั้งเรื่องปัญหาทุจริตการปล่อยสินเชื่อ การระดมทุนด้วยการออก (FRCD) การแก้ปัญหาฐานะการเงิน เพราะเบื้องต้นยังเห็นว่าเอสเอ็มอีแบงก์ยังมีศักยภาพที่จะเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาของเอสเอ็มอีแบงก์จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นหลังจากได้กำหนดแผนฟื้นฟูให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้