Eng
หน้าแรก เกี่ยวกับมูลนิธิ หลักการประเมินค่าทรัพย์สิน มาตรฐานจรรยาบรรณ
อัตราผลตอบแทน
มาตรฐานราคาค่าก่อสร้าง บทความความรู้ข้อแนะนำ เว็บบอร์ด ติดต่อมูลนิธิ
อ่าน 636 คน
     อยู่อย่างติดดินบ้าง
8 มิถุนายน 2553

ดร.โสภณ พรโชคชัย

          บันทึกเรื่องราวสบาย ๆ ติดดิน ไม่มีการเมือง (ฮา) . . . .
          ทั้งที่เป็นวันหยุดพักผ่อน แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2553 ผมก็ยังทำงาน และบ่ายวันนั้น ผมกลับจากสำรวจข้อมูลเพื่อการประเมินอสังหาริมทรัพย์ที่สะวันนะเขต ประเทศลาวมาถึงฝั่งมุกดาหาร ผมจะไปต่อที่หนองคาย เพื่อเข้ากรุงเวียงจันทน์ ปรากฏว่ารถเช่าคิดค่าเช่าตั้ง 3,500 บาท เพื่อนผมที่เป็นคนมุกดาหาร ก็ยังส่ายหน้า และแนะนำให้ผมขึ้นรถ บขส.ไป ซึ่งเสียเงินเพียง 250 บาทเท่านั้น
          อันที่จริงผมก็ตั้งใจจะนั่งรถเช่า ผมเตรียมเอาขลุ่ยไปด้วยแล้ว กะว่าระหว่างทาง จะได้นั่งเบาะหลังเป่าขลุ่ยให้สบายใจหลังจากตรากตรำมาทั้งวันที่สะหวันนะเขต และคืนก่อนหน้านี้ผมก็นั่งอดตาหลับขับตานอนอยู่บนรถทัวร์จากกรุงเทพมหานครไปมุกดาหารอีกต่างหาก แต่ผมก็มาคิดว่าน่าจะลองนั่ง บขส. ดู จะได้เป็นมิตรกับความยากลำบาก กลับสู่การอยู่แบบติดดินบ้าง ทดสอบร่างกายและจิตใจของตัวเอง
          เพื่อนผมและครอบครัวจึงพาผมไปติดต่อรถ บขส. ปรากฏว่ารถไปหนองคายหมดแล้ว ต้องไปต่อที่อุดรธานี ผมก็ยินดี แต่คนจองตั๋วบอกว่ารถเต็มนะ ต้องยืน ผมก็ไม่ว่าอะไร จองตั๋วเสร็จผมก็ร่ำลากับเพื่อนและครอบครัวของเขา ผมก็รอรถ แต่รถมาช้า รออยู่เกือบชี่วโมง พอผมขึ้นรถได้ก็ปรากฏว่ารถอัดแน่นเหมือนปลากระป๋อง กระเป๋าก็พยายามให้ทุกคนเบียดกันให้ร่างกายแนบชิด! ไม่เป็นไร ผมก็ทำใจไว้แล้ว ขอรู้จักความลำบากสักวัน วันนั้นเป็นวันหยุดสุดท้ายของสงกรานต์ คนก็เดินทางกันมากเสียด้วย
          ผมยืนอยู่บนรถนานถึง 3 ชั่วโมง แทบไม่มีคนลง มีคนขึ้นมาเรื่อย ๆ รถวิ่งตุปัดตุเป๋จากสถานีนี้ไปสถานีนั้น จนถึงสกลนคร กว่าจะได้นั่งก็เล่นเอาเมื่อยขาแข็งไปหมด ยืนอยู่บนรถติดแอร์ที่มีคนเบียดเสียดยัดเยียดกันนั้น ร้อนก็ร้อน หายใจก็ยาก ดีที่หวัดนก หวัดหมู หมดไปแล้ว ไม่เช่นนั้นคงเสียวอีกต่างหาก ผมได้นั่งไปอีก 2 ชั่วโมงกว่าจึงไปถึงอุดรธานี หนุ่ม ๆ หลายคนทนยืนตลอดทางเลย น่าสงสารเหมือนกัน
          ผมมาถึงอุดรธานี ก็ปรากฏว่ารถไปหนองคายก็หมดเสียแล้ว ผมเหลือบเห็นป้ายท่ารถจากอุดรธานีไปเวียงจันทน์ ก็เลยใจชื้น ถามได้ความว่าค่ารถเพียง 80 บาท และให้ไปจองตั๋วเวลา 07:00 น. ในวันรุ่งขึ้น คืนนั้นผมเลยได้นอนที่อุดรธานี ในใจผมนึกอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามีร้านนวดแผนโบราณ จะยอมให้นวดสักหน่อย ใช้ชีวิตกฎุมพีสัก 1-2 ชั่วโมง เผื่อจะได้หายเมื่อยขบบ้าง ปรากฏว่าในละแวก บขส.นั้น ไม่มีร้านนวดเลย
          ผมเดินไปเดินมาพบโรงแรมแห่งหนึ่ง สภาพภายนอกพอใช้ได้ ถามสนนราคาค่าเช่า พบว่าราคาห้องแอร์เพียง 300 บาท ห้องพัดลมก็ 200 บาท ผมนึกในใจว่าถ้าผมไปนอนโรงแรมชั้นหนึ่งใกล้ ๆ นั้น ราคาก็คงราว 2,500 บาท แต่ผมคิดไปคิดมาว่าไหน ๆ ก็อุตสาห์บำเพ็ญทุกรกิริยาแล้ว ก็ลองนอนแบบถูก ๆ เอาเสียบ้าง จะได้มีชีวิตติดดิน ไม่ยึดติด ผมจ่ายค่าเช่าห้องแอร์ไป
          หลังจากเก็บของแล้ว ผมก็ไปทานอาหารเย็นแบบพื้น ๆ ในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้สถานีขนส่ง แล้วก็หาร้านอินเตอร์เน็ตเพื่อ update สถานการณ์ต่าง ๆ เสียหน่อย จากนั้นก็เข้านอนด้วยความหวาดเสียว เพราะพอดีเป็นโรงแรมเล็ก ๆ พื้น ๆ ก็กลัวโดนใครบุกเข้ามาชิงทรัพย์หรือทำร้ายเหมือนกัน สมบัติติดตัวผมไม่ค่อยมีหรอกครับ แต่พอมีสมบัติพัสถานในกรุงเทพมหานครบ้าง เลยไม่ใช่คนที่ไม่มีอะไรจะสูญเสียซะทีเดียว (ฮา)
          เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็นั่งรถผ่านหนองคาย ข้ามฝั่งไปเวียงจันทน์จนสำเร็จ ได้พบกับท่านรองอธิบดีกรมที่ดิน และคณะเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ หลายคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย และยังได้ไปสำรวจข้อมูลต่าง ๆ อีกมากหลาย เดินเป็นกิโล ๆ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งลาวเพื่อสำรวจช้อมูลบางประการ
          จากนั้นในค่ำคืนนั้นผมก็ข้ามฝั่งมายังหนองคาย ผมได้จองตั๋วโดยสารรถโดยสาร VIP ไว้เพื่อกลับตอน 2 ทุ่ม กะจะถึงกรุงเทพมหานคร 05:00 ของวันอังคารที่ 20 เมษายน 2553 เพื่อกอดลูกเมียสักหน่อย เพราะวันนั้น ลูกต้องไปออกค่ายหรืออะไรสักอย่าง แต่เจ้ากรรมปรากฏว่ารถถึงกรุงเทพมหานครช้ากว่าปกติ ก็เลยกลับบ้านไม่ทันได้กอดรวมพลังสามัคคีเลย ไม่เป็นไร วันหลังยังมี (ฮา)
          นี่แหละครับเรื่องราวผจญภัย บำเพ็ญทุกรกิริยาของผม ซึ่งก็ถือว่าจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับคนยากไร้ ผมไม่ได้ขี้เหนียวหรอกครับ ความจริงผมบินตรงไปเวียงจันทน์เลยก็ได้ แต่ด้วยความที่อยากจะหาข้อมูลให้มากเกินคำสั่ง บริการให้มากกว่าความคาดหวังของลูกค้า ก็เลยตรงไปที่สะหวันนะเขต แล้วค่อยไปต่อเวียงจันทน์
          ที่สำคัญผมก็อยากจะได้อยู่กินอย่างติดดินบ้างเท่านั้น ปกติน้อง ๆ หลาน ๆ เพื่อนร่วมงานของผม ก็ออกตะลอน ๆ หาข้อมูล แม้ไม่ได้ไปอย่างทุลักทะเลหรือนอนโรงแรมถูก ๆ เช่นผม แต่ก็ใช่จะสบายอะไรมาก ผมได้ไปทำอย่างนี้บ้าง จะได้รู้สึกเห็นใจกันและกันมากขึ้นครับ


จุดเริ่มต้นของการเดินทาง เพื่อนของผม คุณสมศักดิ์ ลาภานันท์ (เพื่อนสมัยเทพศิรินทร์ - ธรรมศาสตร์)และครอบครัวมาส่ง จริง ๆ ศรีภรรยาของเพื่อนผมท่านนี้พาผมไปเช่าเหมารถจากมุกดาหารไป ครอบครัวนี้น่ารัก นับถือมาก


สถานการณ์บนรถปรับอากาศ (แต่ร้อน) เบียดเสียดกันหนัก ผมฉวยโอกาสถ่ายรูป โชคดีไม่มีใครหงุดหงิด จัดการผม (ฮา)


จากมุกดาหาร ถึงสกลนคร 3 ชั่วโมงถึงได้นั่ง แต่หนุ่ม ๆ บางคนเสียสละยืนไปตลอดทางเลย แต่บางคนหนุ่ม ๆ แต่ใจเด็กหรือใจชรา ก็มี (ฮา)


นี่แหละครับสภาพโรงแรม 300 บาทต่อคืนที่ผมนอน ผ้าห่มกับผ้าเช็ดตัว ผมก็ไม่ได้นำไป แต่แทบไม่กล้าใช้เลย เสียววุ๊ย (ฮา)


คนเล็กคนน้อย คนสิ้นไร้ไม้ตอก ก็พอมี เราต้องไม่เหยียดหยามเขา


พบรองอธิบดีกรมที่ดินของลาว Monday, April 19, 2010: Meeting the Deputy Director General (middle) of the National Land Management Authority, Laos and Mr.Ekvinay Sayaraj, Deputy Director of Land and National Resource Research Division.


Monday, April 19, 2010: Meeting the Acting General Director (middle) of the LNRRIC, National Land Management Authority, Laos and Mr.Ekvinay Sayaraj, Deputy Director of Land and National Resource Research Division.

Area Trebs
 
10 ถ.นนทรี เขต.ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร 10120 Tel.66.2295.3171 Fax. 66.2295 1154 Email: info@thaiappraisal.org; สถานที่ตั้ง: แผนที่