ผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรรมบริการหมดหวังชักจูงต่างชาติซื้อห้องชุดถือกรรมสิทธิ์
100% เหตุกฤษฎีกาตีความเข้าข่าย พ.ร.บ.อาคารชุด กนอ.ไม่มีอำนาจอนุมัติ
นิคมฯอัญธานีอ่วม ! ลงทุนกว่า 200 ล้าน ห้องชุด "เจมโมโปลิส ฟรีโซน"
ขายต่างชาติกว่า 90% โอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้ ชะลอลงทุนเฟส 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
ได้ส่งเรื่องหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ตีความว่า
กนอ.สามารถอนุญาตให้คนต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมได้เกิน
49% หรือไม่
ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 5)
ได้พิจารณาและสรุปว่า คณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (บอร์ด
กนอ.)
สามารถอนุญาตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและผู้ประกอบพาณิชยกรรมถือกรรมสิทธิ์เกิน
49% ได้เฉพาะในส่วนของ "ที่ดิน" ในนิคมอุตสาหกรรม
หรือเขตประกอบการเสรีเท่านั้น
ส่วนอาคารชุดแยก
การถือกรรมสิทธิ์เป็นรายบุคคล ไม่ใช่ที่ดิน เข้าข่ายมาตรา 19 ทวิ
แห่งพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 ดังนั้น คณะกรรมการ
กนอ.จึงไม่มีอำนาจให้คนต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ในเนื้อที่ของห้องชุดได้เกิน
49% แต่หาก กนอ.ประสงค์จะดำเนินการ
ก็ต้องเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายการนิคมแห่งประเทศไทยต่อไป
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(กนอ.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัท ไอ.จี.เอส.จำกัด (มหาชน)
ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี ได้พัฒนาโครงการ "เจมโมโปลิส
ฟรีโซน" โดยใช้ที่ดินในเขตประกอบการเสรีในนิคมฯ
ประกอบกิจการปลูกสร้างอาคารชุดอุตสาหกรรมขนาดย่อม
และพาณิชยกรรมเพื่อจำหน่าย หรือให้เช่า ได้ร้องขอมายัง
กนอ.อนุญาตให้ผู้ชื้อห้องชุดที่เป็นคนต่างชาตสามารถถือครองสิทธิ์เกิน
49% ซึ่งจะเป็นประโยชน์ดึงดูดให้ชาวต่างชาติ
ด้านนายสุทธิพงษ์
ดำรงค์สกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอ.จี.เอส.จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า
บริษัทค่อนข้างได้รับผลกระทบอย่างมากจากผลการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เนื่องจากได้พัฒนาโครงการเจมโมโปลิส ฟรีโซน คอมเพล็กซ์" เฟสที่ 1
ไปแล้ว ด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคาร 7 ชั้น 2 อาคาร
มีห้องชุด 52 ยูนิต
พื้นที่รองรับการประกอบการอุตสาหกรรมด้านอัญมณีและเครื่องประดับรวมกว่า
10,000 ตารางเมตร ขณะนี้มีผู้ประกอบการจองซื้อพื้นที่ห้องชุดแล้วกว่า
90% โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการต่างชาติ
ดังนั้น หาก
กนอ.ไม่สามารถอนุญาตให้ต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการดังกล่าวได้เกิน
49% ก็จะมีผลกระทบกับผู้ประกอบการต่างชาติที่ไม่มีหุ้นส่วนเป็นคนไทย
ซึ่งไม่สามารถขาย หรือทำสัญญาการโอนพื้นที่กับผู้ประกอบการรายนั้นได้
มีผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท นอกจากนั้น คงต้องชะลอการลงทุนเฟส 2
ไปก่อน มูลค่าการลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท
นายสุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า
การซื้อ-ขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมสร้างโรงงาน
หากเป็นชาวต่างชาติตามกฎหมาย
กนอ.สามารถอนุญาตให้ต่างชาวชาติถือครองกรรมสิทธิ์ได้ 100%
แต่ต้องยอมรับว่า สภาพการลงทุนปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป
การขายพื้นที่สร้างโรงงานขนาดใหญ่ ทำได้ยากขึ้น
บริษัทจึงได้พัฒนารูปแบบการขายพื้นที่ในลักษณะของห้องชุด
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นจะใช้พื้นที่ไม่มาก
แต่เงินลงทุนวัตถุดิบเพชร, พลอย, ทองคำ ถือว่ามากเท่าเทียมกัน
ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นลักษณะของการประกอบการอุตสาห กรรม
ไม่ใช่เป็นที่พักอาศัย
จึงน่าจะมีการผ่อนผันเป็นกรณีพิเศษ