"แผนเวนคืนที่ดินบนเกาะพีพีสะดุด...รัฐประเมินต่ำ"
กรุงเทพธุรกิจ วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม 2548 หน้า 20
 
สรุปสาระข่าว
 
         แผนเวนคืนที่ดินบนเกาะพีพีสะดุด เจ้าของปัดเจรจาอ้างรัฐประเมินต่ำ ประเมินสูงสุดไร่ละ 8 ล้าน เจ้าของที่ดินร้องต่ำเกินไป ชี้ผลประโยชน์จากที่ดินแค่ 1 ห้องสูงถึงปีละ 3 ล้าน
 
 
ข้อคิดเห็น
         ควรที่จะทำการประเมินค่าทรัพย์สินอย่างมืออาชีพ และแจงที่มาที่ไปของตัวเลขตามที่สมควร จะเอาราคาประเมินทางราชการมาใช้ไม่ได้ เพราะราคาดังกล่าวใช้เฉพาะกรณีการเสียภาษีในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้น
 
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว
 
         ประเมินสูงสุดไร่ละ 8 ล้าน เจ้าของที่ดินร้องต่ำเกินไป ชี้ผลประโยชน์จากที่ดินแค่ 1 ห้องสูงถึงปีละ 3 ล้าน
         เจ้าของที่ดินเกาะพีพี ล้มโต๊ะเจรจาเวนคืนที่ดิน อ้างเหตุรัฐประเมินต่ำเกินไป เผยให้ราคาสูงสุดที่อ่าวโล๊ะดาลัมไร่ละ 8 ล้านบาท ต่ำสุดไร่ละ 2 ล้านบาท ขณะที่ชาวบ้านระบุที่ดินเพียงห้องเดียวสามารถสร้างรายได้ถึงปีละ 3 ล้านบาท พร้อมยื่นข้อเสนอขอชดเชยรายได้ที่สูญเสียเพิ่มอีก 5 ปี
         ภายหลังจากที่รัฐบาลได้มอบหมายให้องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ทำการฟื้นฟูเกาะพีพีหลังประสบภัยสึนามิ ขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจาขอเวนคืนที่ดินจากชาวบ้านและผู้ประกอบการ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเวิลด์ คลาส อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการเจรจาเวนคืนได้สะดุดลงอีกครั้ง
         รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา นายเอนก จิววุฒิพงศ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกระบี่ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการเจรจากับเจ้าของที่ดินบนเกาะพีพี ได้เชิญเจ้าของที่ดินบนเกาะพีพีจำนวน 15 ราย นำโดยนายมานพ กองข้าวเรียบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มาเจรจาชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มเกี่ยวกับราคาประเมินที่ดินบนเกาะพีพี โดยเจ้าของที่ดินได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับราคาประเมินที่ดิน ที่คณะอนุกรรมการประเมินราคาที่ดินประจำจังหวัดกระบี่ได้กำหนดไว้ และได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์แล้ว เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2546
         ประเมินสูงสุดไร่ละ 8 ล้าน
         สำหรับราคาประเมิน ประกอบด้วย เขตตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง (นอกเขตเทศบาล) จังหวัดกระบี่ ซึ่งที่ดินติดทะเล โซน 02 บล็อกไอ ระยะ 100 เมตร ราคาประเมินตารางวาละ 15,000 บาท หรือ ไร่ละ 6 ล้านบาท ที่ดินติดทะเลอ่าวต้นไทร โซน 02 บล็อกเจ จากโรงเรียนบ้านเกาะพีพีไปทางทิศตะวันตกจรดเขา ระยะ 100 เมตร และที่ดินติดทะเลอ่าวโล๊ะดาลัม , อ่าวหยงกาเส็ม จากเขตหมู่ 8 ไปทางทิศตะวันตกจรดเขา ระยะ 100 เมตร ราคาประเมินตารางวาละ 20,000 บาท ไร่ละ 8 ล้านบาท นอกเหนือจากนี้ หากเป็นที่ดินติดทะเลระยะ 100 เมตร ราคาประเมิน 15,000 บาท ไร่ละ 6 ล้านบาท ที่ดินติดถนนซอยทางอื่นๆ ระยะ 40 เมตร ราคาประเมินตารางวาละ 5,000 บาท หรือไร่ละ 2 ล้านบาท
          ผู้สื่อข่าว แจ้งว่า ผลการเจรจาข้างต้น ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินไม่เห็นด้วยกับราคาประเมินดังกล่าว โดยอ้างว่าสภาพพื้นที่เกาะพีพี มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงมาก ตัวอย่างที่ดิน 1 ห้อง ขนาด 10 คูณ 15 เมตร หากปลูกสร้างทำธุรกิจค้าปลีกสามารถทำรายได้สูงถึงปีละกว่า 3 ล้านบาท เมื่อมาเทียบกับราคาประเมินของรัฐ ถือว่าประชาชนเสียประโยชน์มาก หากรัฐยังคงยึดตามราคาประเมิน โดยไม่ใช้สภาพความเป็นจริงมาพิจารณา เจ้าของที่ดินทั้งหมดก็จะไม่ยอมให้เวนคืน
         นอกจากนี้ เจ้าของที่ดินยังเสนอ ให้ตัดหัวข้อในแบบฟอร์ม 2 ข้อ คือ 1.จำหน่ายที่ดินทั้งแปลงจำนวนเงินกี่บาท 2. ค่าชดเชยอาคารที่เหลืออยู่ขณะนี้ เนื่องจากเห็นว่าหากกรอกข้อความลงไปแล้ว จะส่งผลให้เจ้าของที่ดินไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากในตอนท้ายของแบบฟอร์ม มีการให้เจ้าของที่ดินเซ็นชื่อ กำกับ ยิ่งทำให้เจ้าของที่ดินรู้สึกเป็นการถูกผูกมัดทางกฎหมายทันที
         ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ไม่มีเจ้าของที่ดินรายใดกรอกข้อความในแบบฟอร์ม เป็นผลให้เลขานุการคณะกรรมการไม่ได้รับข้อมูลไปเสนอต่อ อพท.เพื่อนำไปประกอบแผนฟื้นฟูและพัฒนาการท่องเที่ยวเกาะพีพี โดย อพท.มีแผนที่จะชี้แจงในวันที่ 31 พ.ค.นี้
         นายเอนก กล่าวว่า สาเหตุที่การเจรจาครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเจ้าของที่ดินยังไม่ได้รับรู้แผนฟื้นฟูเกาะพีพีทั้งหมด จึงไม่ต้องการที่จะตัดสินใจใดๆ ดังนั้น จึงจะนำเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ไปหารือกับคณะกรรมการอีกครั้งหนึ่ง
         "ผมรู้สึกเห็นใจเจ้าของที่ดิน เพราะขณะนี้ พวกเขายังไม่รู้เลยว่าแผนฟื้นฟูเกาะพีพีจะออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร จะให้พวกเขาขึ้นไปอยู่บนภูเขา หรือพื้นที่ราบ อย่าว่าแต่เจ้าของที่ดินเลย แม้แต่จังหวัดเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดใดๆ ขึ้นอยู่กับ อพท.เป็นผู้ตัดสินใจทั้งสิ้น" นายเอนกกล่าว
         เสนอขอชดเชยค่าเสียโอกาส
         นายอุดม จิวะวุฒิพงศ์ เจ้าของที่ดินบนเกาะพีพีรายหนึ่ง กล่าวว่า พวกตนรับไม่ได้กับการเจรจาครั้งนี้ และรู้สึกว่ารัฐไม่มีความจริงใจในการให้ความช่วยเหลือชาวเกาะพีพี มีการแอบนัดเฉพาะเจ้าของที่ดินบางรายไปเจรจา ที่สำคัญ ตลอดเวลากว่า 4 เดือน ผู้ว่าฯ กระบี่ก็ยังไม่ถอนประกาศเกาะพีพีเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้งๆ ที่เวลานี้มีชาวบ้าน เจ้าของสถานประกอบการ และนักท่องเที่ยวเดินทางมาเกาะพีพีเป็นปกติแล้ว แม้จะประสานไปที่สมาชิกวุฒิสภา และส.ส.กระบี่ ให้ช่วย แต่จนขณะนี้ ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
         นายมานพ กองข้าวเรียบ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ กล่าวว่า ชาวบ้านที่อยู่ริมหาดอ่าวต้นไทรเกาะพีพี ที่ได้รับผลกระทบจากแนวถอยร่นของผังเมืองพีพี ที่กำหนดไว้ 30 เมตร มีจำนวนประมาณ 10 กว่าราย หากรัฐเจรจาให้ค่าชดเชยทั้งที่ดินและราคาสิ่งปลูกสร้าง รวมไปถึงค่าเสียโอกาสทางการค้าระยะเวลา 5 ปี ในราคาที่ชาวบ้านพึงพอใจ ปัญหาก็น่าจะคลี่คลายลงได้ และจะไม่ล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา