ฟันจริยธรรมหมอผ่าตัดลืมสายยาง
เดลินิวส์ 29 สิงหาคม 2552  และดู Clip ข่าวช่อง 7 สี
 
สรุปสาระข่าว
  
        ผอ.กองประกอบโรคศิลปะ จ่อส่งเรื่องทีมหมอผ่าตัดลืม "สายสเต็นท" หรือสายยางป้องกันท่อไตตีบไว้ในกระเพาะเยี่ยวคนไข้สาว กับโรงพยาบาลต้นสังกัดให้แพทยสภาพิจารณาความผิด เพราะ พ.ร.บ.สถานพยาบาล ม.34 (2) ระบุว่าหมอลืมอุปกรณ์ไว้ในร่างกายคนไข้เป็นการผิดจริยธรรม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่แพทย์ รพ.ราชวิถี เตรียมรักษาสาวโชคร้ายด้วยการยิงเลเซอร์สลายนิ่วก้อนโต 5 ซม. แล้วใช้คีมคีบนิ่วกับสายยางออกมา มั่นใจไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย
 
ข้อคิดเห็น
 
        ในการประกอบวิชาชีพ ทำผิดพลาดก็ต้องรับผิดชอบ เป็นธรรมดา
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว

        ผอ.กองประกอบโรคศิลปะ จ่อส่งเรื่องทีมหมอผ่าตัดลืม "สายสเต็นท" หรือสายยางป้องกันท่อไตตีบไว้ในกระเพาะเยี่ยวคนไข้สาว กับโรงพยาบาลต้นสังกัดให้แพทยสภาพิจารณาความผิด เพราะ พ.ร.บ.สถานพยาบาล ม.34 (2) ระบุว่าหมอลืมอุปกรณ์ไว้ในร่างกายคนไข้เป็นการผิดจริยธรรม มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่แพทย์ รพ.ราชวิถี เตรียมรักษาสาวโชคร้ายด้วยการยิงเลเซอร์สลายนิ่วก้อนโต 5 ซม. แล้วใช้คีมคีบนิ่วกับสายยางออกมา มั่นใจไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย

        จากกรณีที่ น.ส.สุวารี ฉัตราภิวัฒน์ อายุ 23 ปี เข้าร้องเรียนกับกระทรวงสาธารณสุขว่า ได้เข้ารักษาตัวที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งด้วยการผ่าตัดหลัง เนื่องจากถูกลูกหลงจากเหตุการณ์วัยรุ่นทะเลาะวิวาทกันแล้วทีมแพทย์ลืมสายสเต็นท์ หรือสายยางยาว 25 ซม.ไว้ในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีอาการปวดท้องรุนแรงจนกลายเป็นโรคนิ่ว ตามที่เสนอข่าวไปให้ทราบแล้วนั้น

        ต่อมา ที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึกสิรินธร รพ.ราชวิถี เมื่อเวลา 14.30 น. เมื่อวันที่ 28 ส.ค. นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อมด้วย นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย รศ.(พิเศษ) นพ.สุกิจ พันธุ์พิมานมาศ รอง ผอ.กลุ่มภารกิจวิชาการ รพ.ราชวิถี นพ.อุดม เชาวรินทร์ รองผู้ช่วย ผอ. รพ.ราชวิถี ร่วมกันแถลงข่าวการรักษานำ "สายสเต็นท์" และก้อนนิ่วออกจากช่องท้อง น.ส.สุวารี โดย นพ.เรวัต กล่าวว่า คณะแพทย์ รพ.ราชวิถีจะให้การรักษา น.ส.สุวารี ด้วยการใช้เลเซอร์ยิงสลายนิ่วที่มีขนาด 5 ซม. และหลังจากสลายนิ่วแล้วจะส่องกล้องคีบนิ่วออกมา ขณะเดียวกันก็จะนำสายสเต็นท์ออกมาด้วย

        นพ.เรวัต กล่าวต่อว่า กรณีนี้คนไข้ถูกลูกหลงจากการยิงกันและมีการผ่าตัดท่อไต การใส่สายสเต็นท์ก็เพื่อไม่ให้ท่อไตตีบ แต่ปกติจะใส่เพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น จากนั้นจะนำสายสเต็นท์ออกมา กรณีนี้ตนก็ไม่ทราบว่าเหตุผลอะไรถึงไม่มีการเอาออกในช่วงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คิดว่าการผ่าตัดคงไม่มีปัญหาอะไรกับคนไข้ เพราะการนำนิ่วและสเต็นท์ออกถือเป็นการรักษาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย

        ขณะที่ นพ.ธารา กล่าวว่า จะขอเอกสารประวัติการรักษาจากโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง 3 แห่งมาดูหลังจากนั้นจะส่งให้ทางแพทยสภาพิจารณาจริยธรรมทันที เพราะกรณีการลืมเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในร่างกายคนไข้ แพทย์ที่ให้การรักษาถือว่ามีความผิดทางจริยธรรมชัดเจน และสถานบริการโรงพยาบาลต้นสังกัดก็ต้องมีความผิดด้วยตามมาตรา 34 (2) ของ พ.ร.บ.สถานพยาบาล เพราะต้องมีหน้าที่ควบคุมดูแลผู้ประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นเมื่อหมอผิดจริยธรรม ผู้ดำเนินสถานบริการก็ต้องผิดด้วย

        ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนปฏิเสธรักษาคนไข้ที่ไม่ยอมเซ็นให้ผ่าตัดรักษา จะมีความผิดหรือไม่ นพ.ธารา กล่าวว่า ก่อนจะผ่าตัดรักษาจะต้องให้คนไข้หรือญาติเซ็นชื่อยินยอมก่อน เพราะการผ่าตัด อาจเกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ ดังนั้นกรณีนี้ต้องดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อีกทั้ง ถ้าไม่ใช่กรณีฉุกเฉินเร่งด่วน โรงพยาบาลก็มีสิทธิปฏิเสธได้ถ้าไม่เซ็นชื่อยินยอม

        ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า แพทยสภาพร้อมพิจารณาเรื่องนี้และให้ความเป็นธรรม แต่ก่อนจะพูดอะไรไปต้องขอดูเวชระเบียนของโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกใน จ.นครปฐม ที่ผ่าตัดก่อน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร กรณีนี้ผิดแน่ แต่ไม่รู้ว่าใครผิด ทำไมถึงผิด เกิดจากอะไร ใครเป็นต้นเหตุ ต้องฟังคำอธิบายของแพทย์ด้วย ว่า ใส่สเต็นท์แล้วแพทย์บอกคนไข้หรือไม่ว่าต้องมาเอาออก ถ้าคนไข้เปลี่ยนโรงพยาบาลแล้วได้บอกแพทย์อีกโรงพยาบาลหรือไม่ และตัวคนไข้เองรู้หรือไม่ว่าต้องเอาออก ที่สำคัญคนไข้ไปหาหมอตามนัดหรือไม่ คงต้องฟังคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้องก่อน ตอนนี้คง พูดอะไรไปก่อนที่ยังไม่เห็นเวชระเบียนคงไม่ได้

        ส่าวนายสุริยา ศรีสุขสะอาด อายุ 52 ปี น้าชายของ น.ส.สุวารี กล่าวว่า อยากขอความเป็นธรรมให้กับหลานสาวด้วย ที่ออกมาพูดไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แต่อยากให้หลานได้รับการรักษาที่ถูกต้อง พอเกิดปัญหาขึ้นทางโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้พยายามติดต่อมาขออย่าให้เอ่ยชื่อโรง พยาบาลเพราะกลัวเสียชื่อ ซึ่งตนขอเรียนว่าที่พูดทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง กรณีที่เกิดขึ้นหลานสาวได้ไปใช้สิทธิ 30 บาท ที่ รพ.เอกชนแห่งล่าสุด เพื่อผ่าตัดสลายนิ่วและดึงสายยางออก แต่ รพ.กลับให้ไปขอประวัติการรักษาจาก รพ.เอกชนที่เคยให้การรักษาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด ตนอยากบอกว่า ที่ว่า "30 บาทรักษาทุกโรค" นั้นคงไม่จริง น่าจะเป็น "30 บาทตายทุกโรค" มากกว่า.