หนี้เสียสิ้นปี50ลดลงเล็กน้อย ภาคอุตฯครองแชมป์ยอดรวม
 
สรุปสาระข่าว
 
        เอ็นพีแอลสิ้นปี 50 ยอดคงค้างรวม 4.57 แสนล้านบาท ลดลงกว่า 2.7 หมื่นล้าน ภาคอุตสาหกรรมครองแชมป์มากสุด ทั้งยอดรวมและเอ็นพีแอลใหม่
 
ข้อคิดเห็น
 
        ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็น NPL เพียง 58,736 ล้านบาท หรือ 15% ของหนี้ทั้งระบบ นับว่าน้อยมาก แสดงว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้วิกฤติ แล้วรัฐบาลไปช่วย ไปกระตุ้นทำไม!!!
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว
 

        เอ็นพีแอลสิ้นปี 50 ยอดคงค้างรวม 4.57 แสนล้านบาท ลดลงกว่า 2.7 หมื่นล้าน ภาคอุตสาหกรรมครองแชมป์มากสุด ทั้งยอดรวมและเอ็นพีแอลใหม่

        กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขยอดคงค้างหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลทั้งระบบ แยกตามประเภทธุรกิจ ล่าสุดสิ้นไตรมาส 4 ของปี 2550 พบว่า ยอดคงค้างหนี้เอ็นพีแอลมีทั้งสิ้น 457,588 ล้านบาท ลดลง 27,666 ล้านบาท

        ภาคที่มีหนี้เอ็นพีแอลมากที่สุด คือ ภาคอุตสาหกรรม มีหนี้เอ็นพีแอล 183,153 ล้านบาท คิดเป็น 11.41% ของสินเชื่อรวม รองลงมา คือ ภาคการพาณิชย์ 67,665 ล้านบาท หรือ 6.67% และภาคธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ 58,736 ล้านบาท หรือ 15%

        ขณะที่สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล มีสัดส่วนเอ็นพีแอล 58,156 ล้านบาท หรือ 14.06% การบริการ 32,104 ล้านบาท หรือ 7.38% ภาคการก่อสร้าง 19,665 ล้านบาท หรือ 11.41% ภาคการธนาคารและธุรกิจการเงิน 13,745 ล้านบาท หรือ 1.91% ภาคการเกษตร ประมง และป่าไม้ 11,293 ล้านบาท หรือ 11.08% ภาคสาธารณูปโภค 10,869 ล้านบาท หรือ 2.96% ภาคเหมืองแร่และย่อยหิน 2,293 ล้านบาท หรือ 0.12%

        หากดูยอดหนี้เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 จะพบว่า ยอดหนี้เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ ภาคการอุตสาหกรรม มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 22,594 ล้านบาท เป็นหนี้เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นใหม่ 12,711 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่ 5,032 ล้านบาท

        ขณะที่เป็นการเพิ่มขึ้นของหนี้เอ็นพีแอลภาคอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล 12,399 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ที่เอ็นพีแอลใหม่เพิ่มขึ้น 9,308 ล้านบาท และเป็นหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้วกลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่ 2,273 ล้านบาท