ศาลจังหวัดนนทบุรี สั่งเพิกถอนการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินปรปักษ์ที่"นางวันทนา"ขายให้"มูลนิธิสวนแก้ว" โดยให้คืนแก่เจ้าของเดิม ด้าน"พระพยอม"ชี้ให้รัฐทบทวนแก้กม.ที่ดินปรปักษ์ ลั่นไม่รับกิจนิมนต์จากหน่วยงานราชการ เน้นกรมที่ดิน
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ที่จ.บุรีรัมย์ เมื่อเวลา 15.30 น. พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางรับกิจนิมนตร์ที่"ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว" สาขาวัดสวนแก้วแห่งเดียวในภาคอีสาน ตั้งอยู่บ้านวังปลัด ต.บ้านแพ อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์
โดยหลังจากศาลจังหวัดนนทบุรี ได้พิจารณาตัดสินคดีให้เพิกถอนการครอบครองกรรมสิทธ์ที่ดินปรปักษ์ ที่ทางมูลนิธิสวนแก้ว ได้ซื้อจากนางวันทนา สุขสำเริง ให้กลับไปเป็นของนางทองอยู่ หิรัฐประดิษฐ์ เจ้าของเดิม พร้อมทั้งให้จ่ายค่าทนายเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท
จากกรณีดังกล่าว พระพยอม ยืนยันว่าจะไม่ฟ้องร้องใคร ได้ปล่อยวางมานานแล้วเพราะตนอยู่ในสมณเพศ เกรงว่าหากออกไปเคลื่อนไหวจะทำให้เสื่อมเสียศาสนา และจากนี้ไปจะคว่ำบาตร งดรับกิจนิมนต์จากส่วนราชการทุกส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานของกรมที่ดิน โดยไม่มีกำหนด
ส่วนเรื่องการต่อสู้ด้านทางคดีจะอุทรณ์หรือไม่ ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของคณะกรรมการมูลนิสวนแก้ว ที่จะดำเนินการ หรือควรจะตรวจสอบความไม่ชอบมาพากล ในการออกโฉนดของกรมที่ดินในครั้งนี้ เพราะประชาชนหลายคนทั้งประเทศที่ครอบครองที่ดินปรปักษ์ อาจจะตกอยู่ในภาวะเดียวกันกับมูลนิธิสวนแก้ว ซึ่งน่าจะมีการทบทวนและแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องที่ดินปรปักษ์ หรือให้ผลักดันเข้าไปในการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีความชัดเจน ถ้าไม่เช่นนั้นจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไปอีกอย่างแน่นอน
พระพยอม กัลยาโณ ยังกล่าวอีกว่า ขนาดตนเป็นพระที่เป็นที่รู้จักของสังคม ก็ยังตกอยู่สภาวะเช่นนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ถ้าฟ้องได้น่าจะฟ้องกรมที่ดินมากกว่าหน่วยงานอื่น เพราะได้ทำเรื่องออกโฉนดถูกต้องมาตั้งแต่ต้น พร้อมยืนยันว่าจะปักหลักจำวัดที่ศูนย์ร่มโพธิ์แก้ว จ.บุรีรัมย์ ตลอดไป ส่วนมูลนิธิสวนแก้วที่จ.นนทบุรี ก็จะแวะไปดูแลอย่างเช่นสาขาวัดสวนแก้วอื่นๆ เช่นกัน |