นายหน้า ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์
Property Report ไทยแลนด์ ฉบับที่ 5 สิงหาคม 2551 หน้า 28
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินไทย
ผมไม่ใช่นายหน้าและไม่คิดจะทำงานด้านนี้ เพราะผมเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินที่หวังจะดำรงความเป็นกลางทางวิชาชีพโดยไม่เป็นนายหน้าหรือไม่ไป (ร่วม) พัฒนาที่ดินเอง แต่ที่ผมเขียนถึงนายหน้าก็เพราะว่าในอนาคตวิชาชีพนี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
สังคมอาจมองว่าตัวแทน นายหน้าไม่ค่อยมีศักดิ์ศรี มีภาพพจน์ไม่ดี แต่นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ดี ๆ อยู่กันเป็นสมาคมอย่างเป็นระเบียบได้มาตรฐานสากลก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และการที่ผู้ซื้อ-ผู้ขายจะตกลงใจกันก็มักอาศัยนักวิชาชีพนี้ นัยว่าทำให้ต้นทุนถูกกว่าการที่เร่ขายทรัพย์สินเอง
นักพัฒนาที่ดินในไทย โดยเฉพาะในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 มักสำคัญว่า ตนเองประกอบอาชีพที่มั่นคง ทำเงินได้มหาศาล และมีบทบาทสำคัญที่สุดในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น นายหน้าต่างหากที่ยิ่งใหญ่และทำเงินมหาศาลจริง
พูดเช่นนี้ บางท่านอาจไม่เชื่อ เพราะนายหน้าบ้านเราทุกวันนี้ (ยัง) ดูไม่มีลักษณะยิ่งใหญ่กระไรนัก ยังไม่มีการใช้บริการนายหน้ากว้างขวางนัก ในขณะที่กฎหมายรอบรับหรือองค์กรควบคุมวิชาชีพที่เป็นทางการก็ยังไม่มี
แต่ผมเชื่อว่า ภาวะอันอ่อนด้อย (กว่าประเทศตะวันตก) ของนายหน้าไทย เป็นสิ่งชั่วคราว เมื่อผ่านพ้นระยะนี้แล้ว เมื่อสังคมต้องการกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจังด้วยการให้นายหน้าเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประชาชนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดให้มีกฎหมายนายหน้าแล้ว ไม่ช้า อาชีพนายหน้าก็จะยิ่งใหญ่แน่นอน
ผมไม่ได้เขียน เชลียร์ แต่ผมเชื่อว่า เราควรมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิชาชีพนายหน้าอสังหาริมทรัพย์
ในประเทศตะวันตก แทบทั้งหมดของผู้จะซื้อขายบ้านจะทำการผ่านนายหน้า ผมมีเพื่อนฝรั่งบางคนพยายามประหยัดด้วยการหาผู้ซื้อด้วยตนเอง แต่ก็เหนื่อยมาก ในประเทศเหล่านี้บางครั้งก็มีการตีพิมพ์หนังสือ วิธีการซื้อ-ขายบ้านด้วยตนเอง เหมือนกัน แต่ก็ถือเป็นกระแสรอง ส่วนกระแสหลักคือการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านนายหน้า ซึ่งเป็นกระแสที่เชี่ยวกรากมาก
ลองตรองดู ถ้าค่านายหน้าเป็น 3% นายหน้าขายบ้าน 33 หลังก็เท่ากับนักพัฒนาที่ดินขายบ้านหลังหนึ่งแล้ว โดยที่นายหน้าไม่ต้องลงทุนหนักในการจัดสรรหรือก่อสร้างใด ๆ เลย
ยิ่งถ้าเทียบให้ละเอียดจะยิ่งเห็นชัด เช่น ถ้าบ้านหลังละ 1 ล้านบาท ค่านายหน้าจะเป็น 30,000 บาท และหากสมมตินายหน้ามีต้นทุนอยู่ที่ 50% ต่อหลัง ก็จะได้กำไรสุทธิหลังละ 15,000 บาท แต่สำหรับนักพัฒนาที่ดิน อาจมีกำไรสุทธิเพียง 15% หรือ 150,000 บาท ดังนั้นถ้านายหน้าขายบ้านได้เพียง 10 หลังก็ได้กำไรเท่ากับนักพัฒนาที่ดินขายบ้าน 1 หลังแล้ว
นักพัฒนาที่ดินในปัจจุบันอาจมีบ้านในโครงการเฉลี่ยประมาณ 100 หลังต่อโครงการ ถ้านายหน้าบริษัทหนึ่งขายบ้านได้มากกว่า 1,000 หลังต่อปี ก็จะมีสถานะที่ใหญ่กว่าบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดกลาง ๆ เสียอีก ที่สำคัญ ความเสี่ยงต่ำกว่ากันมากทีเดียว
ในสหรัฐอเมริกา มีทั้งนายหน้าฝ่ายผู้ซื้อ นายหน้าฝ่ายผู้ขาย ดังนั้นนายหน้าจึงได้กำไรแบบ สองเด้ง หรือ ทั้งขึ้นทั้งล่อง เช่นนี้แล้วอาชีพไหนเลยจะเทียบเคียงกับนายหน้าได้ ยิ่งถ้าเป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศแถวภูเก็ตและสมุย ค่านายหน้าไม่ใช่ 3 เปอร์เซ็นต์ แต่อาจสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งทำให้นยหน้าเป็นอาชีพที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ผมได้มีโอกาสไปงานเทศกาลอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ทั้งที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ฮ่องกง หรือที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นศูนย์รวมบูธอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก พบว่านายหน้าข้ามชาติ กร่าง มากเลย หลายรายเป็นผู้อุปถัมภ์งานเทศกาล หลายรายซื้อบูธขนาดใหญ่โตยิ่งกว่านักพัฒนาที่ดินระดับข้ามชาติบางรายเสียอีก
ในประเทศตะวันตก ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ยุโรป จนถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นายหน้าเช่าห้องแถวเปิดขายบ้านในทุกหัวระแหง แม้แต่ในเมืองเล็ก ๆ ก็พบมีจำนวนร้านนายหน้ามากกว่าร้านขายของชำเสียอีก
ในอนาคต โครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ที่มีหน่วยขายนับพันหน่วยคงเกิดขึ้นได้ยาก เพราะมีอุปทานมากมายเหลือล้น ท่านทราบไหมตลอดช่วง 26 ปีที่ผ่านมานับแต่กรุงเทพมหานครครบรอบ 200 ปี เราสร้างบ้านใหม่ ๆ กันเกือบ 2 ล้านหน่วย มากกว่า 200 ปีแรก ซึ่งเรามีบ้านที่สร้างขึ้นและดำรงอยู่ในขณะนั้นเพียง 1 ล้านหน่วยเท่านั้น
ในอนาคตเราจะเหมือนประเทศตะวันตกที่การสร้างบ้านใหม่จะมีสัดส่วนเพียง 1-2% ของบ้านทั้งหมดในแต่ละปี ในขณะที่การซื้อขายบ้านมือสองมีสัดส่วนถึง 4-5% ของทั้งตลาด และส่วนมากจะซื้อ-ขายผ่านนายหน้าอีกด้วย
จริงอยู่ในประเทศของเรา ประชากรจะยังไม่ย้ายบ้าน ย้ายงานกันง่าย ๆ เหมือนประเทศตะวันตก แต่การซื้อขายบ้านมือสองยังจะมีมากกว่ากรณีบ้านใหม่อยู่ดี เนื่องจากการสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ จะยากขึ้น เพราะมีกฎหมายควบคุมมากขึ้น (ทั้งผังเมืองและข้อกำหนดการก่อสร้างอื่น) อุปทานบ้านมือสอง บ้านยึดของธนาคารยังมีมหาศาล และถึงแม้การขายบ้านมือหนึ่ง นักพัฒนาที่ดินหลายรายอาจใช้บริการนายหน้าให้ช่วยทำการตลาดและการขายให้ด้วยซ้ำไป
ดังนั้นในวันนี้ รัฐบาลที่มุ่งพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนจะต้องออกกฎหมายคุ้มครองผู้ซื้อบ้าน ให้มีตัวแทนนายหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการควบคุมโดยรัฐ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย และช่วยพัฒนาวิชาชีพนายหน้าให้สามารถแสดงบทบาทสร้างสรรค์ต่อสังคมได้ในที่สุด |