ณ วันนี้ ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงอันมีความสลับซับซ้อนทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน เศรษฐกิจ ที่มีเงินและทรัพย์สินเป็นตัวแปรสำคัญและปัจจัยหลักในการ ลงทุนของรัฐ เพื่อพัฒนาชาติให้มั่นคงยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จะเห็นได้จาก โครงสร้างขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ถนน การประปา การชลประทาน การไฟฟ้า การคมนาคมขนส่งและการสื่อสาร ที่กลายเป็น เส้นเลือดใหญ่ หล่อเลี้ยงความจำเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โครงการเหล่านี้ล้วนต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วแต่กลับทำได้ล่าช้า เนื่องจากเกี่ยวพันกับการเมือง งบประมาณ การประสานงานระหว่างหน่วยงาน ผลประโยชน์ของรัฐและราษฎร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในหลักแห่งการพัฒนา การเวนคืนทรัพย์สินอันเป็นการจำกัดกรรมสิทธิ์ที่รุนแรงที่สุดและบังคับเอาทรัพย์สินของเอกชนมาเป็นของรัฐ จึงต้องกระทำอย่าง รอบคอบ ควบคู่กับ คุณธรรมจริยธรรม เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยจุดมุ่งหมายสร้างชาติไทยให้ก้าวไกลทัดเทียมอารยประเทศ
การสร้างกลไกบริหารราชการให้เข้มแข็งต้องอาศัยการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้สำเร็จผลเชิงรูปธรรม เมื่อรัฐวางนโยบายและกำหนดโครงการต่างๆเพื่อประโยชน์สาธารณะใดๆ รัฐจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมที่ดินให้พร้อมสำหรับการก่อสร้างและทำให้ทรัพย์สินกลับคืนสู่รัฐในขณะที่ราษฎรได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด การออกพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาเพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จึงมีขึ้นและส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้เป็นเจ้าของที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินอันเป็นดัง ชีวิตและจิตใจ ที่ตนพยายามเก็บหอมรอมริบและสร้างขึ้นมาด้วย หนึ่งสมองและสองมือ ตลอดระยะเวลาเกือบทั้งชีวิต หากมีการเอารัดเอาเปรียบหรือบิดเบือนมูลค่าที่แท้จริงของทรัพย์สินในการเวนคืนย่อมถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและไร้ซึ่งมนุษยธรรม ด้วยเหตุที่มนุษย์ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินเท่าเทียมกัน ดังปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ อันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ มาตรา ๔๑ บัญญัติว่า สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง
ฉะนั้น การ ประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติ จึงต้องเร่งปลูกฝังให้หยั่งรากลึกในจิตสำนึก ลักษณะนิสัยและค่านิยมของทุกชีวิต อย่างน้อยความเป็นธรรมดังกล่าวจะทำให้คนไทยมีกำลังแรงใจในการพัฒนาชาติตามศักยภาพของตนอย่างเต็มภาคภูมิ
การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะกิจการของรัฐเพื่อการอันเป็นสาธารณูปโภค การอันจำเป็นในการป้องกันประเทศ การได้มาซึ่งทรัพยากรธรรมชาติ การผังเมือง การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การพัฒนาการเกษตรหรือการอุตสาหกรรม การปฏิรูปที่ดิน การอนุรักษ์โบราณสถาน และแหล่งทางประวัติศาสตร์ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรม ภายในเวลาอันควรแก่เจ้าของตลอดจนผู้ทรงสิทธิบรรดาที่ได้รับความเสียหายจากการเวนคืนนั้น
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๔๒ ดังกล่าว บ่งชี้ว่า การเวนคืนอันเปรียบเสมือนเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่สังคมที่ดีขึ้น เป็นไปตามหลักการและเหตุผล ที่รัฐจะใช้ อำนาจ เวนคืนทรัพย์สินของปัจเจกชนเพื่อประโยชน์สาธารณะอันมีจุดหมายแน่นอน กำหนดระยะเวลาการเข้าใช้ชัดแจ้ง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ และสนับสนุนคุณค่าแห่งการดำรงอยู่ของรัฐ รัฐจึงต้องมีหน้าที่ตอบแทนผู้สูญเสียทรัพย์สิน เพื่อเป็นการเยียวยาความ เสียสละพิเศษ ส่งเสริมความเสมอภาค และคืนความเป็นธรรมกลับสู่แผ่นดิน
ในเมื่อกฎหมายรองรับสิทธิอันพึงมีพึงได้ของประชาชนตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้ว ทว่าปัญหา ความไม่เป็นธรรม ก็ยังคงปรากฏอยู่ ประชาชนบางคนต้องกลายเป็น ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย และค่าตอบแทนที่ได้รับ ไม่เพียงพอ ต่อการรักษาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการเวนคืน รวมถึงการได้รับเงินทดแทนล่าช้าทำให้ผู้ถูกเวนคืนไม่อาจซื้อที่อยู่ใหม่ในราคาและสภาพใกล้เคียงกับทรัพย์สินเดิม นอกจากนี้การตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ตลอดจนการกำหนดค่าทดแทนที่ไม่เป็นธรรม โดยอาศัยราคาประเมินทุนทรัพย์ในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของกรมที่ดิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีมูลค่าต่ำกว่าราคาตลาดมาก ยังสร้างความไม่พอใจกันระหว่างรัฐและราษฎร ความขัดแย้งจึงก่อตัวและยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีกลุ่มชนออกมาต่อต้าน ก่อความไม่สงบเรียบร้อย และประท้วงรัฐ ซึ่งนับเป็นความล้มเหลวของสังคม เพราะไม่ใช่จำนวนเงินเท่านั้นที่พวกเขาไม่พอใจ หากแต่ต้องการ การปฏิบัติ อย่าง เอาใจใส่ จริงจัง จริงใจ บริสุทธิ์ใจ และเรียกร้องให้รัฐใช้อำนาจอย่างชอบธรรม
ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นอย่างยากหลีกเลี่ยง ด้วยเพราะการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบต่อชีวิต จิตใจ ทรัพย์สิน และความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า การประเมินค่าทรัพย์สินก่อนการเวนคืนเป็นการกำหนดจำนวนเงินที่รัฐบาลจะต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของทรัพย์สิน ที่ต้องอาศัย การรับรู้ การเข้าใจ และ การเข้าถึง อย่างถ่องแท้และถ้วนถี่ การประเมินค่าทรัพย์สินจึงต้องเร่งส่งเสริมให้แพร่หลายในวงกว้าง เพื่อเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงกระบวนการวิเคราะห์มูลค่าที่ถูกต้อง โปร่งใสและเป็นธรรม ตลอดจนรู้จักเลือกวิธีใช้ให้สอดคล้องกับความต้องการมูลค่าทางการตลาดที่แท้จริงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หากพิจารณาให้ดีแล้วจะเห็นว่าการประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อการเวนคืนนั้นแตกต่างจากการประเมินราคาเพื่อการซื้อขายซึ่งใช้หลักของการตกลงซื้อ-ขายในตลาดเปิด เรียกว่า ราคาตลาด แต่การเวนคืนนั้นผู้เป็นเจ้าของมิได้ตั้งใจจะขาย ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่สูงกว่าราคาตลาด เรียกว่า มูลค่าพิเศษสำหรับเจ้าของ
การประเมินทรัพย์สินก่อนการเวนคืนต้องคำนึงหลักความจริงว่า เจ้าของทรัพย์สินควรได้รับราคาที่จูงใจให้ขายอย่างสมเหตุสมผล ทรัพย์สินนั้นอาจมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในอนาคตซึ่งเขาจะเสียโอกาสเมื่อถูกเวนคืน และค่าทดแทนที่กำหนดไม่สามารถซื้อทรัพย์สินได้ในลักษณะเดียวกันอีก ซึ่งต้องตระหนักถึงการประเมินราคาในเรื่องอื่นๆด้วย อาทิ สิทธิเหนือที่ดินของเจ้าของที่ดิน เจ้าของอาคาร ผู้เช่า เจ้าของต้นไม้เหนือที่ดิน เจ้าของทรัพย์สินข้างเคียงที่สูญเสียสิทธิเหนือที่ดินที่ถูกเวนคืน การเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายหรือความสูญเสียในการย้ายที่อยู่อาศัยหรือธุรกิจ และการก่อตั้งธุรกิจใหม่ ทั้งนี้ยังต้องอาศัยหลักเกณฑ์ในการประเมินทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ กล่าวโดยสรุป คือ พิจารณาจากราคาที่ซื้อขายกันตามปกติของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน โดยต้องไม่ทำให้ได้ค่าทดแทนที่สูงหรือต่ำเกินจริง ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการตีราคาไว้เพื่อประโยชน์แก่การเสียภาษีบำรุงท้องที่ ราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สภาพและที่ตั้งของอสังหาริมทรัพย์นั้น รวมถึงเหตุและวัตถุประสงค์ของการเวนคืน หากผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนไม่พอใจราคาของอสังหาริมทรัพย์หรือค่าทดแทนก็มีสิทธิอุทธรณ์ได้ สำหรับการประเมินราคาทดแทนที่เป็นธรรมนั้นจะต้องไตร่ตรองถึงการสูญเสียสิทธิดังกล่าวอย่างแยบคายและเป็นกลาง รวมทั้งผลที่เกิดแก่ที่ดินที่เหลืออยู่ ความเสียหายอื่นๆ และสภาพที่ดีของที่ดินอยู่ติดกัน ซึ่งทำให้ที่ดินนั้นมีมูลค่าสูงขึ้น โดยยึดถือฐานข้อมูลการซื้อขายที่เป็นจริงเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่สังคม ผู้ถูกเวนคืนและสาธารณชนผู้เสียภาษีมาบำรุงประเทศ
เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า การประเมินค่าทรัพย์สินก่อนจะทำให้ การเวนคืนประสบผลสำเร็จ ได้อย่างงดงาม สามารถยุติความขัดแย้งและเชื่อมประสานความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและประชาชนให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้การประเมินค่าทรัพย์สินก่อนการเวนคืนต้องเป็นไปตามหลัก ยุติธรรม นิติธรรม และ คุณธรรม ควบคู่กับการธำรงคุณค่าของผลประโยชน์ส่วนรวม รังสรรค์ความเจริญงอกงามของชาติและจรรโลงเอกภาพของ ความเป็นไทย ที่มี ความเป็นธรรม เป็นแก่นแท้ ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อ ราษฎรร่วมมือกับรัฐ เพื่อผลักดันชาติให้บรรลุเป้าหมายและขับเคลื่อนต่อไปแล้ว ความสมานฉันท์ ก็จะเติบโตขึ้นในหัวใจไทยได้อย่างน่ามหัศจรรย์ น้ำตา จากการสูญเสียทรัพย์สินก็จะเปลี่ยนเป็น รอยยิ้ม ความเสียสละ ก็หลั่งไหลเป็นสายธารน้ำใจ และเติมเต็ม ความอิ่มเอมใจ จากการปฏิบัติตาม หน้าที่ เพื่อตอบแทนแผ่นดินด้วยการร่วมมือ ร่วมคิด ร่วมทำ เมื่อเป็นเช่นนี้ การประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติ ก็จะสามารถประกาศค่าความยิ่งใหญ่อันเป็นการแสดงออกถึงความมีอธิปไตย เอกลักษณ์ เอกราชของชาติ ตลอดจนสามารถบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริตและสืบสานความรักสามัคคีของคนไทยภายใต้ร่มพระบารมีได้อย่างแท้จริง
|